หลวงปู่คำ สุวณณโชโต หรือ พระครูประสิทธิวรการ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านเกิดปีมะเส็ง พ.ศ.๒๔๓๖ (รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ด้วยความที่หลวงปู่เป็นเด็กชายที่มีผิวพรรณวรรณะและมีลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ บิดามารดาของท่านจึงได้นำท่านไปยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ “หลวงปู่นาค ปุญญนาโค” หรือ “ท่านพระครูวิริยะธิการี” แห่งวัดหัวหิน ซึ่งหลวงปู่นาคได้ตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า “ทองคำ” เพื่อให้สอดคล้องกับนามของท่านคือ “นาค” แต่ผู้คนทั่วไปกลับพอใจที่จะเรียกเด็กชายทองคำว่า “คำ” ในสมัยนั้น ”หลวงปู่นาค ปุญญนาโค” ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของวิปัสสนากรรมฐานและเรื่องของไสยศาสตร์ เล่ากันว่าด้วยความที่หลวงปู่นาคท่านเป็นพระที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ตลอดจนมีปฏิปทาในทางสมณธรรมเป็นเลิศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาหลวงปู่นาคเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงนับถือหลวงปู่นาคเสมอด้วยศิษย์กับครู และทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระองค์ก็จะทรงพระราชดำเนินมานมัสการหลวงปู่นาคทุกครั้งไป นอกจากนี้ยังทรงมีพระบรมราชานุญาตให้หลวงปู่นาคเข้าเฝ้าพระองค์ได้ตลอดเวลาแม้ในยามราตรี
เด็กชายคำได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนเด็กๆ ทั่วไปในสมัยนั้น คือเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมควบคู่กันไป ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ ทำให้ท่านสามารถเรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสามารถนำไปใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ
หลวงปู่คำท่านได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ณ วัดหัวหิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ โดยมีพระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมโสภิต (หลวงปู่เปี่ยม) วัดเกาะหลัก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ละมัย อมรธมโม วัดหัวหิน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุวรรณโชโต”
หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว หลวงปู่คำท่านได้จำพรรษา ณ วัดหัวหิน จากการที่ท่านได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่นาคอย่างใกล้ชิด ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ควบคู่ไปกับการฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น
ชีวิตของท่านในช่วงนี้นอกจากการปฏิบัติศาสนากิจอย่างเคร่งครัดแล้วท่านยังได้ศึกษาพระธรรมวินัยต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง การศึกษาอย่างตั้งใจทำให้ท่านแตกฉานในพระปริยัติธรรมต่างๆ เป็นอย่างดีท่านได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ ๕ แผ่นดิน เชื่อกันว่านอกจากหลวงปู่คำท่านจะเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านยังเป็นพระที่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ และสามารถรับรู้เรื่องราวความเป็นไปต่างๆ ได้
หลวงปู่คำได้เดินทางไปขอเรียนโดยตรงกับครูบาอาจารย์ที่วัดของแต่ละท่าน ครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมให้หลวงปู่คำ เช่น หลวงปู่เปี่ยม วัดเกาะหลัก หลวงพ่อโสก วัดปากครอง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม ฯลฯ นอกจากนี้หลวงปู่คำท่านยังได้ศึกษาไสยเวทย์ โหราศาสตร์ และวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำราของโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นตำราโบราณที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านได้เรียนจนเชี่ยวชาญและสามารถนำมาขยายผลได้จริง
หลวงปู่คำท่านชอบออกเดินธุดงค์ เรื่องราวการออกเดินธุดงค์ของท่านเริ่มต้นประมาณพรรษาที่ ๕ ความชอบของหลวงปู่ต้องเรียกว่า ออกพรรษาเมื่อใด ท่านก็จะสมาทานออกเดินธุดงค์ทันที สถานที่ที่ท่านเคยไปธุดงค์ถ้าในประเทศหลวงปู่ท่านไปมาหมดแล้วทั่วทุกภาค หากเป็นนอกประเทศท่านก็เดินไปถึง ลาว เขมร พม่า และมาเลเซีย ท่านเคยเล่าไว้ว่าการเดินธุดงค์ไม่ใช่ของง่าย เพราะมักจะมีอุปสรรคมาคอยขัดขวางตลอดทั้งจากมนุษย์และภูติผีปีศาจ หากเป็นมนุษย์หลวงปู่ท่านจะใช้วิธีการให้อภัย หากเป็นพวกที่มาจากต่างมิติ ท่านก็จะแผ่เมตตาไปให้ และหากพรรษาใดที่ท่านไม่ได้ไปธุดงค์ ท่านก็จะเข้าป่าขึ้นไปบนภูเขาในเขตภาคใต้เพื่อตัดไม้มาสร้างวัด ท่านเล่าว่าสมัยก่อนต้นไม้มีเยอะแยะและไม่มีการหวงห้าม การขึ้นเขาเพื่อตัดไม้ก็อาศัยบรรดาพระภิกษุของวัดหนองแก เมื่อตัดแล้วก็ต้องใช้เกวียนลากลงมา หากเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากก็ต้องใช้ไม้หมอนมารองหนุนกลิ้งลงมาจากภูเขา จากต้นไม้กลายมาเป็นกุฏิหลังแรกเสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๔๖๖ และมีการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ตามมาอีกหลายอย่างเช่นหอฉัน หอระฆัง ฯลฯ ในปี ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ ณ วัดหนองแก ซึ่งในโอกาสนี้ หลวงปู่คำท่านได้สร้างตะกรุดโทนมหาอำนาจด้วยทองคำหนัก ๔ บาท ทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
สำหรับในเรื่องที่หลวงปู่คำท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์เบื้องหน้า ก็มีหลายต่อหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นกรณีของยุทธการที่ป่ากลอย บริเวณหลังเขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ของตำรวจตะเวณชายแดน ค่ายมฤคทายวัน ซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่และเกิดการประทะกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ในเหตุการณ์นั้นตำรวจถูกยิงเสียชีวิตไปหลายนาย กำลังที่เหลือมีน้อยกว่าต้องถอยร่นหนีเข้าไปในป่า ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ประมาณสองสัปดาห์ หลวงปู่ท่านได้พูดกับตำรวจพลร่มค่ายมฤคทายวันที่ไปกราบนมัสการท่าน ให้ระวังเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้บรรดาตำรวจตะเวณชายแดนที่รอดชีวิตกลับมาได้ ต่างก็เชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีจากวัตถุมงคลของหลวงปู่คำที่พวกเขาพกติดตัวอยู่ช่วยคุ้มครอง
คุณพ่อของพี่เด็กหัวหินเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่คำเป็นพระอารมณ์ดีและชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ใครมีปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มักจะพากันไปหาหลวงปู่เพื่อให้ท่านช่วยปัดเป่าให้ ไม่ว่าจะเป็นของหาย ลูกชายจะบวช ฯลฯ ขนาดที่ว่าบางครั้งท่านจะจำวัดแต่ถ้ามีคนมากราบนมัสการท่าน หลวงปู่ท่านก็จะไม่ยอมจำวัดและอยู่สงเคราะห์เขาจนเสร็จสิ้นท่านจึงจะเข้าจำวัด อย่างเช่นตัวของคุณพ่อเองที่สมัยก่อนเวลาเป็นตาแดง แม่ของท่านจะพาไปหาหลวงปู่ที่กุฏิ หลวงปู่ท่านเป่าพ้วงเดียว กลับมาวิ่งเล่นต่อได้และพอนอนหลับตื่นขึ้นมาก็หาย
บางครั้งท่านเห็นคนแถวบ้านบางคนเท้าบวมเดินแบบขาลากมาหาหลวงปู่ ทราบว่าคนนี้เข้าป่าเผลอไปเตะจอมปลวก หลวงปู่ท่านก็จะเป่าและพรมน้ำมนต์ไปที่บริเวณเท้า ซึ่งเท้าจะบวมอยู่ไม่เกินสองวันก็หายบวม หรือบางคนที่ไม่สบายเป็นไข้หวัด หลวงปู่ท่านก็จะต้มยาให้กลับมากินที่บ้าน สองสามวันก็หายป่วยและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ
นอกจากการรักษาโรคแล้ว อำนาจมนต์ขลังของหลวงปู่คำก็ใช่ย่อย โดยเฉพาะวิชาสักยันต์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างว่าผู้ใดที่ได้รับการสักกระหม่อมด้วยยันต์นะปัดตลอดจากหลวงปู่ ตัวยันต์ก็จะติดไปถึงกระดูกและเมื่อผู้ที่ได้รับการสักเวลาเสียชีวิตลงศพของเขามักจะเผาไม่ไหม้ ดังเช่นกรณีของนายมอญ เลี่ยมสัก ชาวบ้านหนองพรานพุก ตำบลหินเหล็กไฟ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เผาไปนานกว่าสามชั่วโมง แต่ศพของนายมอญ ก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม สุดท้ายบรรดาญาติๆ ของนายมอญต้องขึ้นไปเล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่คำฟังบนกุฏิและขอความเมตตาจากหลวงปู่ให้ถอนอาถรรพออกจากตัวของนายมอญ ซึ่งเมื่อหลวงปู่ได้ฟังจบ ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง จึงสามารถเผาศพนายมอญได้จนเสร็จสิ้น
นางเวียน ปลาบปลื้ม ชาวบ้านห้วยทรายใต้ ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำหลังคาบ้านไว้สองอัน นับตั้งแต่วันที่ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำทำให้ครอบครัวของนางเวียน ปลาบปลื้ม ต้องอาถรรพ มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตลอดเวลา เป็นต้นว่าคนในครอบครัวมีการเจ็บไข้ได้ป่วยหมุนเวียนกันอยู่โดยตลอด นางเวียนจึงได้เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่เพื่อขอความช่วยเหลือ หลวงปู่ท่านนั่งสมาธิอยู่สักครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า “บ้านเอ็งมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอัน ให้เอาออกเสียแล้วจะหาย”
นางเวียนตกตะลึงกับคำทำนายของหลวงปู่ที่ทราบว่าบ้านของตนเองมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอันจริง ซึ่งสาเหตุที่ต้องนำไม้ไปค้ำเนื่องจากครอบครัวของตนเองมีฐานะยากจน และบ้านที่พักอาศัยก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม หลวงปู่ท่านจึงแนะนำว่า “อย่าอยู่ตรงนั้นเลย ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วเอ็งจะดีขึ้น”
นางเวียนเชื่อถือในคำพูดของหลวงปู่จึงได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ริมทะเลแถบบางสะพานใหญ่ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าครอบครัวของนางเวียนมีฐานะดีขึ้นจริงๆ เพราะที่ดินที่ตนเองได้จับจองไว้มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากเป็นที่ดินที่อยู่ติดริมทะเล
คุณธงชัย ปฐมวัฒนานุรักษ์ นักธุรกิจเจ้าของกิจการแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญสุนทานและเคร่งครัดยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด วันหนึ่งคุณธงชัยได้ซื้อรถยนต์คันใหม่ ขณะที่ขับรถกลับบ้านได้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบริเวณทางโค้งวัดธรรมศาลา ตัวคุณธงชัยได้กระเด็นทะลุกระจกหน้ารถออกไปนอนหมดสติอยู่กลางถนน พลเมืองดีได้นำคุณธงชัยส่งโรงพยาบาล คุณธงชัยนอนหมดสติอยู่ ๒๗ วัน เนื่องจากมีอาการสาหัส นายแพทย์จึงต้องทำการผ่าตัดเปิดกระโหลกศรีษะ โอกาสรอดชีวิตค่อนข้างมีน้อยมาก แต่ต่อมาได้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเนื่องจากคุณธงชัยได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้
คุณธงชัยได้เล่าให้ฟังว่าในขณะที่ตนเองหมดสติสลบไป ๒๗ วันนั้น ย่างเข้าวันที่ ๒๗ มีความรู้สึกตัวว่ากำลังเดินวนเวียนอยู่ในป่าทึบหาทางออกไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีพระภิกษุชรารูปร่างใหญ่โตผิวพรรณวรรณะผ่องใสสง่างามปรากฏร่างขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “โยมกำลังหาทางกลับหรือ อาตมาจะไปส่งตามมาสิ” คุณธงชัยได้เดินตามพระภิกษุชรารูปนั้นมาจนพ้นแนวป่าก็พบกับแสงสว่างจ้าแล้วก็รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา หลังจากที่ได้พักรักษาตัวจนหายเป็นปกติ คุณธงชัยได้กลายมาเป็นคนใจบุญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีการบริจาคทรัพย์ทำบุญตามวัดต่างๆ อยู่เสมอ
วันหนึ่งคุณธงชัยได้เดินทางไปทำบุญที่ “วัดหนองแก” อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกุฏิเจ้าอาวาส ภาพแรกที่คุณธงชัยเห็นคือพระภิกษุชรารูปร่างสูงใหญ่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกุฏิ คุณธงชัยจำได้ทันทีว่าเป็นพระรูปเดียวกับที่พบในนิมิตและนำทางคุณธงชัยออกมาจากป่าทึบ ท่านชื่อ “หลวงปู่คำ สุวรรณโชโต”
(ขอขอบคุณ เอกสารอ้างอิง หนังสือหลวงปู่คำ สุวณณโชโต พระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน โดยอาจารย์ยุทธ โตอดิเทพย์)
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub456
หน้าที่เข้าชม | 1,704,396 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,227,139 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |