บันทึกชีวประวัติพระเดชพระคุณ พระอธิการเกษม (อั๊บ) เขมจาโร เจ้าอาวาสวัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
หลวงพ่อมีนามเดิมว่า เกษม ทิมมัจฉา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2465 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ที่บ้านแหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในวัยเด็กได้ไปพักกับพระน้าชายชื่อ พระเล็ก ที่วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งขณะนั้นมีพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงปู่บุญเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมากแม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวราราม กทม. ยังให้ความเคารพ หลวงปู่อั๊บได้เล่าว่า ตอนท่านเป็นเด็กยังได้เคยรับใช้บีบนวดหลวงปู่บุญบ่อยๆครั้ง เพื่อนเด็กวัดรุ่นเดียวกันนั้นมีอยู่คนหนึ่งต่อมาภายหลังได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับการศึกษาทั้งทางโลกและศาสนาอย่างมากมาย คือพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณปรมาจารย์ (ท่านเจ้าคุณปัญญา) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นั่นเอง ส่วนพระเล็กพระน้าชายได้บวชที่วัดใหม่สุคนธาราม อ.นครชัยศรีจ.นครปฐม และได้ย้ายไปจำพรรษาหลายวัดอย่างเช่น วัดห้วยตะโก วัดปลักแรด วัดหนองบัว วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น ได้บวชเป็นพระนานอยู่ถึง 18 พรรษา จึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตเป็นฆาราวาสและมีครอบครัวอย่างชาวโลกทั่วไป นับได้ว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมขลังคนหนึ่ง ในปีที่หลวงปู่บุญ ได้มรณภาพลงนั้นตรงกับปี พ.ศ. 2478 หลวงปู่อั๊บ มีอายุได้ 13 ปี เมื่อหลวงปู่บุญได้มรณภาพลงแล้ว หลวงพ่อเกษม (อั๊บ) ได้กลับไปอยู่กับบิดา-มารดาที่บ้านท้องไทร ช่วยกิจการงานบ้าน ทำนา อย่างขยันขันแข็ง จนอายุครบที่จะทำการบรรพชา
อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้ทำการอุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยในสมุดใบสุทธิของหลวงปู่อั๊บ ได้บันทึกไว้ดังนี้.-
เมื่อบวชได้ 3 พรรษา ได้เดินเท้าไปวัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี เพื่อไปหาพระเล็กพระน้าชายซึ่งขณะนั้นได้ไปพักจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดหนองบัว ขณะนั้นมีหลวงปู่เหรียญ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลวงปู่เหรียญท่านนี้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้มอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน ซึ่งมีวิชาอาคมเก่งกล้าเป็นยิ่งนัก แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกันยังเกรงใจในวิชาของหลวงปู่ยิ้ม และยังเคยเดินทางมาพักที่วัดหนองบัว
ส่วนพระสหธรรมิกอีกรูปหนึ่งที่สำคัญของหลวงปู่ยิ้ม คือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ในหนังสือประวัติวัดหนองบัวบันทึกไว้ว่า ในวันที่เผาศพหลวงปู่ยิ้มนั้นไม่สามารถเผาร่างสังขารของท่านได้ จนต้องนิมนต์หลวงปู่ขึ้นไปทำพิธีจึงสามารถเผาศพของท่านติดไฟได้ นับว่าอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก หลวงปู่อั๊บท่านเล่าว่า อยากจะขอเรียนวิชากับหลวงปู่เหรียญ แต่พระน้าชายไม่ยอมให้เรียน แต่ในขณะที่พักอยู่ที่วัดหนองบัวประมาณ 2 เดือน ได้มีชาวบ้านในแถวนั้นได้นำพระเนื้อดินเผาและพระเนื้อผงมาถวายท่าน (เป็นพระที่สมัยหลวงปู่ยิ้ม แห่งวัดหบองบัว ได้ทำการจัดสร้างไว้แล้วนำไปบรรจุไว้ตามในถ้ำในเขตวัดหนองบัว) อาทิเช่น พระพิมพ์ยืนประทานพร พระพิมพ์ขุนแผนซุ้มเรือนแก้ว พระพิมพ์ปางมารวิชัย พระพิมพ์ 3 ชั้นหูบายศรี พระพิมพ์สมเด็จ 3 ชั้น พระพิมพ์สมเด็จ 7 ชั้น และพระพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ เป็นต้น
เมื่อหลวงปู่อั๊บท่านได้กลับมายังวัดท้องไทร ท่านได้นำพระเหล่านั้นกลับติดตัวมาด้วย บางส่วนท่านได้ทำการแจกให้แก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดไปพอประมาณ เมื่อมีผู้ที่นำไปบูชาแล้วได้เกิดอภินิหารมากมายแล้วกลับมาเล่าให้ท่านฟัง ท่านจึงได้นำขึ้นไปเก็บที่ห้องบนกุฎิท่านและไม่ได้นำออกมาอีกเลย หลังจากที่หลวงปู่ได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรแล้วนั้น ท่านได้ไปฝากตัวขอเป็นศิษย์กับหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อน้อยท่านนี้มีความเก่งกล้าในวิชาอาคมเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งวาจาของท่านแล้วเป็นปกาศิตยิ่งนัก หรือวาจาศักสิทธิ์นั่นเอง พูดสิ่งใดแล้วมักเป็นสิ่งนั้น แม้แต่หลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอม ยังให้ความนับถือ ซึ่งหลวงพ่อน้อยท่านก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้อย่างไม่ปิดบัง พร้อมทั้งยังมอบตำรายันต์พระเวทย์ให้กับหลวงปู่อั๊บมา 1 เล่ม (ของหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา 1เล่ม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก 1 เล่ม)
เป็นตำรายันต์ลายมือหลวงพ่อน้อย มีบางส่วนที่เป็นลายมือของพระตุ๋ยซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อน้อย ซึ่งหลวงพ่อน้อยเรียกมาใช้บ่อยๆ เพราะเขียนอักขระเลขยันต์ได้สวยงามดี (ต่อมาได้ลาสิกขาเป็นฆราวาส)
นับได้ว่าหลวงพ่อน้อยท่านเป็นครูอาจารย์ที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของหลวงปู่อั๊บเลยทีเดียว และในช่วงเวลาที่หลวงปู่อั๊บว่างท่านได้เดินทางไปกราบ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และได้ขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อแช่มมาด้วยอย่างเช่น การนำกระเบื้องแตกมาลงอักขระแล้ว นำไปไว้ในใจกลางที่ดินเพื่อที่จะขายเป็นต้น
ส่วนอีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง ซึ่งเป็นสหธรรมมิกกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงปู่อั๊บท่านได้กราบขอเป็นศิษย์เช่นกัน แต่หลวงพ่อจันทร์ท่านสั่งให้ไปหาที่วัดและให้นำหัวหมูไปด้วย 1 หัว แล้วท่านจะถ่ายทอดวิชาให้หมด
แต่เมื่อหลวงปู่อั๊บได้กลับมาวัดท้องไทรแล้ว ได้ล้มป่วยลงด้วยไข้มาลาเรียหรือสมัยนั้นเรียกว่าไข้ป่า ท่านเล่าว่าป่วยคราวนั้นเกือบตาย เป็นๆ หายๆ อยู่ประมาณ 3 เดือน เมื่อหายจากไข้จึงทำการเดินทางไปหาหลวงพ่อจันทร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า หลวงพ่อจันทร์ท่านได้มรณภาพลงเสียแล้ว จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อจันทร์เอาไว้เลย
เมื่อท่านบวชได้ 8 พรรษา หลวงปู่อั๊บได้เดินทางไปยัง จ.สุพรรณบุรี เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อโบ้ยท่านมีความเชี่ยวชาญในสายวิปัสสนากรรมฐานเป็นยิ่งนัก มีความศักดิ์สิทธิ์ในวิชาอาคมขลังเป็นเลิศ หลวงพ่ออั๊บได้ขอขึ้นกรรมฐานธุดงค์กับหลวงพ่อโบ้ย ซึ่งหลวงพ่อโบ้ยท่านก็ได้สอนหลักการเดินธุดงค์การอยู่ในป่าให้อย่างละเอียด จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโบ้ย คือ ครูกรรมฐานที่แท้จริงของหลวงปู่อั๊บ
จง คือ หลวงพ่อจง แห่งวัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา
คง คือ หลวงพ่อคง แห่งวัดบางกระพร้อม จ.สมุทรสงคราม
อี๋ คือ หลวงพ่ออี๋ แห่งวัดสัตหีบ จ.ชลบุรี
หลวงปู่อั๊บท่านได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ไว้มากพอสมควร และหลวงพ่อจง ท่านได้สอนวิปัสนากรรมฐานให้และวิชาอื่นๆ อีกหลายๆ อย่างด้วยกัน อย่างเช่นวิชาตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงและอักขระเลขยันต์ต่างๆ
ในปีพ.ศ.2506-2507 ญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดวังชะโด อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เป็นเวลา 2 ปี รวมแล้วหลวงปู่อั๊บ มาจำพรรษาอยู่ที่จ.อยุธยา ทั้งหมดเป็นเวลาถึง 13 ปี
ในปี พ.ศ.2508 หลวงปู่อั๊บ มีอายุ 43 ปี ญาติโยมทางท้องไทรได้มานิมนต์ให้หลวงปู่กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อไปโปรดญาติโยมที่บ้านเกิดบ้าง ท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปีที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดท้องไทร นั้นอายุได้ 43 ปีย่าง 44 ปี (ได้ 24 พรรษา)
ในปี พ.ศ.2509 หลวงปู่อั๊บได้ดำริจะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาสักหลัง ลูกศิษย์จึงขออนุญาติทำการจัดสร้างเหรียญ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของหลวงปู่อั๊บ ขึ้นมาเป็นเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ เนื้อทองแดง จำนวนที่จัดสร้าง 10,000 เหรียญ เพื่อมอบสมนาคุณให้แก่ญาติโยมที่บริจาคทรัพย์สร้างศาลาการเปรียญ พร้อมกันนี้ท่านได้ทำการสร้างตะกรุดกันงูขึ้นมาเพื่อแจกพร้อมกับเหรียญรูปไข่ด้วย ญาติโยมที่ได้รับไปบูชานั้น ได้พบเจอกับอภินิหารมากมายนับไม่ถ้วน เป็นการสร้างชื่อเสียงขจรขจายให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้จักกับหลวงพ่อปู่อั๊บ แห่งวัดท้องไทร จนโด่งดังไปทั่วมากยิ่งขึ้น และหลวงปู่อั๊บก็ยังได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 หลวงปู่อั๊บได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดท้องไทร และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ท่านได้นำวิชาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ผู้คนทั่วไปดังนี้
1. วิชาการแพทย์แผนโบราณรักษาด้วยสมุนไพร
2. วิชาการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก-เส้นเอ็น
3. วิชาการแช่น้ำมนต์
4. วิชาการถอนคุณไสย (ถอนของ)
5. วิชาการสักเสกอักขระเลขยันต์
วิชาการแช่น้ำมนต์ถอนของนี้ หลวงปู่อั๊บท่านได้ไปขอเรียนกับก๋งสุข ซึ่งเป็นคนจีนบ้านอยู่ที่ จ.อยุธยา ก๋งสุขนี้เมื่อสมัยตอนรุ่นๆ ได้ต้มน้ำร้อนถวายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่ศุขอยู่ถึง 10 ปีหลวงปู่ศุขจึงถ่ายทอดให้มา และได้สั่งเอาไว้ด้วยว่าถ้ามอบให้ใครแล้วมึงก็ต้องตายเสีย หลวงปู่อั๊บเพียรไปเรียนอยู่ประมาณ 6 ปี ก๋งสุขจึงยอมมอบวิชาให้ หลังจากถ่ายทอดวิชาการทำน้ำมนต์ถอนของให้กับหลวงปู่อั๊บ แล้วประมาณ 1 เดือน ก๋งสุขก็เสียชีวิตในวัย 90 ปีเศษ
วิธีการรักษาของหลวงปู่อั๊บ แห่งวัดท้องไทรนั้น ผู้ใดสงสัยจะถูกคุณไสย ลมเพลมพัด ท่านจะให้นำน้ำกรองสะอาดใส่ในกาละมังพอมิดหลังเท้าแล้วเอาน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้ใส่ลงไปด้วย ล้างเท้าให้สะอาดแล้วจึงเอาเท้าแช่ลงไปในกาละมังนั้น เอาน้ำมนต์ดื่มเข้าไปด้วย ถ้าคนป่วยนั้นถูกคุณไสย ถูกของมาจริง ก็จะถูกขับออกมาในกาละมังนั้น โดยแช่วันละ 3 ชั่วโมงติดต่อกัน 3 วันจนครบ 9 ชั่งโมงแล้ว หลวงปู่อั๊บจะรดน้ำมนต์ให้อีกครั้งหนึ่ง
บางคนเป็นหนักจนไม่ได้สติจนต้องหามกันมาก็มี ก็มาหายด้วยน้ำมนต์ของหลวงปู่อั๊บ มากมายนับไม่ถ้วน บางคนอยากจะแช่ทั้งตัวก็มีอ่างปูนซีเมนต์ขนาด 4 เหลี่ยมใส่น้ำลงไปแล้วเอาน้ำมนต์ใส่ลงไปจึงลงไปนั่งแช่ทั้งตัว ค่ารักษาก็มีเพียง ธูป เทียน ดอกไม้ และบุหรี่ 1 ซอง กับเงินค่าครูแค่ 12 บาทเท่านั้น บางคนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต มาแช่แล้วเอายาไปกินหายเดินได้มาก็มาก ท่านได้สงเคราะห์ผู้คนที่เป็นเช่นนี้มาหลายสิบปี ถ้าจะนับจำนวนผู้ป่วยที่ท่านทำการสงเคราะห์ก็ไม่อาจที่จะสรุปได้ว่ากี่หมื่นกี่พันราย
ครูอาจารย์ที่หลวงปู่อั๊บได้ไปขอเล่าเรียนวิชามามีดังนี้
1.พระเล็ก เป็นพระพี่ชายศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดโพธิ์กลับ พระเล็กได้ไปเล่าเรียนวิชานี้มาจากหลวงพ่อคำ วัดดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วิชานี้เป็นวิชาสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งหลวงพ่อไม่ค่อยได้ทำให้ใคร เนื่องจากพรรษาหนึ่งทำเพียง 9 ดอกเท่านั้น และต้องทำจากแผ่นเงิน และ ทองคำเท่านั้น (ตอนที่ท่านไปเรียนวิชานี้มาจากราชบุรีนั้น หลวงพ่ออั๊บท่านขี่ม้าไปเรียน จนม้าที่หลวงพ่อขี่นั้นตายไปเป็นตัวๆ)
2.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาอักขระเลขยันต์และพระเวทย์ต่างๆ และยังได้ตำรายันต์มาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลามาอีก 1 เล่ม
3.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาการลงเลขยันต์ที่แผ่นกระเบื้องแล้วนำไปไว้กลางที่ดินเพื่อให้ขายได้ เป็นต้น
4.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ศึกษาเล่าเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน และอักขระเลขยันต์ต่างๆ วิชาการทำตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง(ตำราอีก 1เล่ม)
5.หลวงพ่อหอม วัดหนองเสือ จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมันมนต์สมุนไพรประสานกระดูกและเส้นเอ็น ซึ่งหลวงพ่อหอมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจวน หลวงพ่อจวนเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
6.หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี ศึกษาเล่าเรียนวิชาขึ้นกรรมฐานธุดงค์
7.ก๋งสุข ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมนต์ถอนของ
8.โยมถ่าย ศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดกันงู
หน้าที่เข้าชม | 1,704,396 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,227,139 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |