"หลวงปู่ขุ้ย" มีนามเดิมชื่อ เด็กชายวิชัยรัตน์ ท่อนทอง ชื่อเล่น เด็กชายขุ้ย เกิดวันพุธ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 ปีระกา (ตามใบสุทธิบัตร) เกิดจริงนับถอยหลังไปอีก 10 ปี ประมาณ พ.ศ. 2454 ณ บ้านท่ามะทัน ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลวงปู่มีนิสัยเด็ดเดี่ยว ซื่อตรง สมถะ ไม่คดโกงผู้ใด ทำอะไรทำจริงมาตั้งแต่เด็ก ท่านมักชอบอยู่เงียบๆ ทองบ่นคาถาที่โยมพ่อสอนเป็นประจำไม่ค่อยชอบไปเที่ยวเล่นซนเหมือนเด็กคนอื่น หลวงปู่เข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้านจนจบชั้นประถมปีที่ 4 ซ้ำยังเป็นการศึกษาสูงสุดในยุคสมัยนั้น และหลวงปู่ก็ยังสอบได้คะแนนสูงสุดในระดับชั้น หลวงปู่อยากเรียนต่อแต่บิดามารดาไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน หลวงปู่จึงบอกโยมพ่อโยมแม่ว่า ถ้าท่านไม่ได้เรียนท่านจะบวช
ประมาณ พ.ศ. 2466 หลวงปู่มีอายุ 12 ปี (อายุจริง พ.ศ.จริง ตามปีเกิดจริงของหลวงปู่) บิดาท่านได้เสียชีวิต หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟเป็นครั้งแรกเพื่อจูงศพบิดา จากนั้นหลวงปู่ก็ติดใจในชีวิตบรรพชิต ยึดแน่วแน่ในผ้าเหลืองจึงเริ่มศึกษาพระธรรมวินัย โดยได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทบ วัดชนแดน หลวงปู่อยู่กับหลวงพ่อทบ 6 พรรษา หลวงพ่อทบรักหลวงปู่มาก เรียกหลวงปู่ว่า "เณรวิชัยรัตน์"
หลวงพ่อทบสั่งสอนบอกกล่าววิชาอาคม จนหลวงปู่อายุครบบวช จึงขอกราบลาหลวงพ่อทบไปบวช ณ วัดที่บ้านเกิดของหลวงปู่ เวลานั้นหลวงปู่มีอายุ 22 ปี วันที่ 4 มีนาคม 2473 หลวงปู่ได้ทำการอุปสมบทเป็นภิกษุ ณ วัดศรีมงคล ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีฉายาในทางธรรมว่า "ฐิตธัมโม" แปลความหมายว่า "ผู้สถิตย์อยู่ในธรรม มีธรรมอันมั่นคง ตั้งมั่นดีแล้ว"
ช่วงหนึ่งถึงสองพรรษาแรก หลวงปู่อยู่ปรนนิบัติองค์อุปัชฌาย์ (พระครูมหาหยวก) พร้อมทั้งเรียนวิชาไสยศาสตร์ต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ พรรษาต่อมาหลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปยังประเทศลาว เรียนวิชาสายสมเด็จลุน (อดีตสังฆปาโมกข์ของลาว) จากครูบาแดง พอข้ามมาฝั่งไทยหลวงปู่ยังไปเรียนวิชาขอมลาวเพิ่มเติมจากหลวงปู่พรหมสร (รอด วัดหนองไผ่ จ.ขอนแก่น)
ประมาณปี 2512-2517 หลวงปู่กลับมาอยู่กับหลวงพ่อทบ วัดชนแดน พระเกจิอาจารย์แห่งเพชรบูรณ์ ผู้เป็นยอดปรมาจารย์ของหลวงปู่ กลับมาคราวนี้หลวงปู่มีภูมิรู้ภูมิธรรมขึ้นมาก แล้วหลวงพ่อทบได้อบรมสั่งสอนสุดยอดวิชาต่างๆ ให้หลวงปู่จนหมดสิ้น จนหลวงพ่อทบท่านมรณภาพ
ระหว่างอยู่กับหลวงพ่อทบ หลวงปู่ได้ข้ามฝั่งไปเรียนวิชาสายหลวงปู่ศุข จนได้รู้จักกับหลวงพ่อพระมหาโพธิ วัดคลองมอญ หลวงปู่มุ่ย วัดดอนไร่ โดยหลวงปู่ขุ้ย เรียกหลวงพ่อมุ่ยว่า "หลวงพี่" ทุกคำ และกลับมาสอบทานวิชาคาถาอาคมกับหลวงพ่อทบ วัดชนแดน ผู้เปรียบเสมือนพ่อของหลวงปู่ขุ้ย จากนั้นหลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูเจ้าคณะตำบลท่าอิบุญ อยู่รับตำแหน่งช่วยงานคณะสงฆ์ถึง 10 ปี จึงขอลาออกเพื่อหาสัจธรรมเดินธุดงค์ ต่อมาปี 2517 หลวงปู่ขุ้ยได้เดินธุดงค์ผ่านมาบริเวณคุ้มซับตะเคียน หมู่บ้านปางยาง หมู่ที่ 1 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ สถานที่ตั้งวัดซับตะเคียนในปัจจุบัน หลวงปู่เห็นว่าที่นี่สงบเงียบและสมถะสมเป็นบริเวณที่จะสร้างวัดโปรดญาติโยมได้ จึงปักกลดทำกิจวัตร ณ ดินแดนแห่งนี้ จนก่อสร้างเป็นวัดซับตะเคียนในปัจจุบัน
หลวงปู่เริ่มดังเมื่อพระที่อยู่ปฎิบัติธรรมกับท่าน เห็นหลวงปู่แสดงอะไรแปลกๆ ปรากฏอยู่บ่อยๆ อาทิ หลวงปู่เสกข้าวให้ไก่ป่ากิน ไก่ป่าที่ได้กินข้าวเสกของหลวงปู่จะเชื่องทั้งฝูง หลวงปู่เดินไปจับยังไม่หนี ท่านชี้มือไปหาไก่ป่าตัวไหน ไก่ตัวนั้นจะรีบวิ่งรี่เข้ามาหาหลวงปู่ทันที อีกอย่างชาวบ้านแถวนั้นเห็นไก่ป่าที่หลวงปู่เลี้ยงไว้เชื่อง แอบเอาปืนจะมายิง ปืนยังยิงไม่ออกเลย หลวงปู่เคยลงกระหม่อมตัวเองโดยใช้วิชากระโหลกเหล็กโหม่งต้นมะม่วง ต้นมะม่วงต้นนั้นเปลือกแตกกระจายและยืนตายต้นภายใน 3 วัน แต่หลวงปู่ไม่เป็นอะไรเลย อีกอย่างเป็นที่ประจักษ์คือ ชานหมากของหลวงปู่เป็นมหาอุตม์ปืนยิงไม่ออก ทดลองกันเป็นร้อยครั้ง สมัยก่อนตอนที่หลวงปู่มาอยู่ท่าด้วงใหม่ๆ วัตถุมงคลที่หลวงปู่ทำแจกลูกศิษย์คือชานหมาก ใครๆ ที่พกชานหมากของหลวงปู่ไปไหนมาไหนปลอดภัยตลอด ทำมาค้าขายดี ผีสางนางไม้คุณไสย์ไม่มีได้กิน ขึ้นรถลงเรือปืนผาหน้าไม่หยุดอยู่หมด ในระดับจังหวัดชื่อเสียงของหลวงปู่ดังเมื่อตำรวจดวนปืนกับผู้ร้าย โดนผู้ร้ายยิงใส่แต่ปืนยิงไม่ออกรอดชีวิตมาได้ ตำรวจนายนี้คิดว่าจริงหรือเปล่าที่เค้าพกชานหมากหลวงปู่ไว้ทำให้ปืนผู้ร้ายยิงไม่ออก จึงนำเอาชานหมากดังกล่าวไปผูกคอไก่แล้วทดลองยิง ปืนก็ยิงไม่ออกอีก พอหันกระบอกปืนยิงขึ้นฟ้า ปืนยิงออก ทดลองทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนแน่ใจว่าชานหมากของหลวงปู่ดีจริงๆ ตำรวจ ทหาร จึงแห่มาขอชานหมากกันอย่างจ้าละหวั่น
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989,
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub456
หน้าที่เข้าชม | 1,704,396 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,227,139 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |