อัตโนประวัติ หลวงพ่อท่านเกิดวันเสาร์ ปีขาล บิดาชื่อ นายสมนึก มณีโชติ, มารดาชื่อ นางแสวง แจ้งสว่างศรี ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๒ คน เป็นหญิง ๑ คน ท่านเป็นคนสุดท้อง ท่านเป็นเสือกำเนิดโดยสายเลือด เพราะทางฝ่ายย่าทวด ของท่านเป็นพี่น้องกับสุดยอดพระเถราจารย์ ปรมาจารย์แห่งเสือ หลวงปู่ปาน วัดมงคลโคธาวาศ (วัดบางเหี้ย) มีต้นตระกูลนิวาสสถาน อยู่ที่ บางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ เป็นคหบดีเก่าแก่ ก่อนจะเดินทาง มาทำมาค้าขายที่แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ มาตั้งรกราก ทำมาหากินจนทำให้มีฐานะดี สำหรับพระเถราจารย์อีกองค์หนึ่งที่สำคัญ ของสายตระกูลนี้คือ พระครูธรรมพิรยคุณ(เฒ่า) ธัมมธโร (มณีโชติ) สุดยอดเกจิอาจารย์แห่งเมืองอ่างทอง จวบจนมาถึงยุคของท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ในวัยเด็กท่านได้ย้ายตามบิดามารดามาอยู่กรุงเทพฯ ย่านอ่อนนุช ได้ศึกษาเล่าเรียน ตามลำดับ ขณะเดียวกันนั้นสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของท่าน ท่านเกิดล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการแปลกไป พูดจาภาษาแปลกๆ พ่อแม่ของท่านได้พาท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่ง อีกทั้งแผนโบราณใครว่าที่ใหนดีก็ดั้นด้นไปจนหมดทุกที่ ก็ไม่ดีขึ้นมา เรียกว่ารักษากันจนปัญญาเลยทีเดียว แต่แล้วด้วยบุญบารมี หรือจะด้วยสิ่งใดก็สุดคาดเดา เทวะบัญชาจากเบื้องบนก็ส่งให้ท่านได้มาพบกับมหาบูรพาจารย์หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส ทันใดที่แม่ของท่านพาท่านมาถึงกุฎิหลวงพ่อวงษ์ หลวงพ่อวงษ์ร้องทักในทันทีว่า “มาแล้วหรือรออยู่ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปรักษาที่ใหนหรอก ใครก็รักษาเจ้าไม่ได้มีแต่องค์บรมครูใหญ่ (เพชรฉลูกัณฑ์) เท่านั้นที่จะรักษาเจ้าได้” จากนั้นหลวงพ่อวงษ์ ท่านก็ทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมให้ และแล้วท่านก็หายจากอาการต่างๆ โดยสิ้นเชิง ท่านจึงบวชพราหมณ์อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อวงษ์ถึง ๒ ปี หลวงพ่อวงษ์ก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมให้แก่ท่าน หลังจากสิ้นบารมีหลวงพ่อวงษ์แล้ว ท่านก็ดำเนินชีวิตในฆราวาสวิสัย แต่ก็ไม่ลืมที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมีเวลาก็หมั่นนั่งสมาธิ รักษาศีล ปฎิบัติธรรมเรื่อยมา จวบจนวันสำคัญวันหนึ่งมาถึง องค์บรมครูพระเพชรฉลูกัณฑ์ (ครูใหญ่) ของท่านก็ขอให้ท่านบวชในบวรพุทธศาสนาเพื่อสร้างทานบารมี ท่านจึงได้ทำการอุปสมบทที่วัดบ้านดอน อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โดยมี พระเดชพระคุณ พระครูวิจารณ์พัฒโนวาท (พัฒน์) วัดเกาะแก้วอรุณคาม เจ้าคณะอำเภอวิหารแดง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ธัมมสุนทโร” หลังจากอุปสมบทแล้วก็อยู่ศึกษาพระธรรมวินัย ปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ของท่าน สำหรับหลวงพ่อพัฒน์ นี้ท่านมีเวทย์วิทยาคมที่เข้มขลังนัก ครบถ้วนทั้งทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ท่านก็เด็ดขาดยิ่งนัก หลวงพ่อท่านได้รับการถ่ายทอดจากองค์อุปัชฌาย์ของท่านอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นท่านก็ได้มีโอกาสได้รับการศึกษาถ่ายทอดครอบครูโขนจากองค์หลวงพ่อทองเติม สำนักสงฆ์ถ้ำบัวขาว จ.ลพบุรี หลวงพ่อทองเติมท่านเป็นครูโขนมาก่อน วิชาอาถรรพณ์พระเวทย์ต่างๆ แล้วศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ซึ่งหลวงพ่อทองเติมก็ถ่ายทอดให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวิชาทำผงอาถรรพณ์ เมตตามหานิยม ชนิดเอกอุ และท่านยังเป็นอาจารย์สักอีกด้วย วิชาที่โด่งดัง ขลัง พลังลึกของท่านก็คือ เสือหางด้วน แต่ท่านก็ไม่นิยมสักให้กับผู้ใดง่ายๆ และด้วยบุญบารมี หรือสิ่งใดก็สุดคาดเดา ท่านเมตตาลงเข็มสักเสือหางด้วนให้กับหลวงพ่ออย่างเต็มที่เต็มกำลัง หลังจากนั้นก็ประสิทธิ์ประสาทเวทย์วิทยาคมประจุแก่หลวงพ่อ พอเสร็จแล้วท่านก็มรณภาพโดยสงบ นัยว่าท่านได้ถ่ายทอดทุกสรรพสิ่งให้กับหลวงพ่อโดยหมดสิ้น หลังจากนั้นหลวงพ่อยังได้มีโอกาสไปอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อทอง วัดถ้ำทอง จ.ลพบุรี หลวงพ่อว่า “เอ็งจะมาเรียนทำไมกับข้ามากมายนัก สิ่งที่อยู่ในตัวเอ็งก็มากมาย มีครูใหญ่ (เพชรฉลูกัณฑ์) เทพเทวา เขารักษาตัวเอ็งอยู่แล้ว กลับไปหมั่นทำสมาธิ ศึกษาพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี จะทำการมงคลใด ก็สำเร็จเองแหละวะ” หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้ไปศึกษากับผู้ใดอีกเลย กลับมาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านดอน จ.สระบุรี ได้อยู่ช่วยงานการกิจธุระต่างๆ ของท่านเจ้าอาวาสอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ในขณะเวลาช่วงนั้น ท่านเจ้าอาวาสวัดลิ้นทอง ได้เดินทางไปมาหาสู่กับท่านเจ้าอาวาส วัดบ้านดอน ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับหลวงพ่อ ถูกอัธยาศัยซึ่งกันและกันยิ่งนัก อาจเป็นด้วยเทวะบัญชาหรือโชคชะตากำหนดที่จะให้ท่านมาอยู่วัดลิ้นทอง ท่านเจ้าอาวาสวัดลิ้นทอง จึงเอ่ยปากชักชวนหลวงพ่อให้มาอยู่จำพรรษาด้วยกันที่อ่างทอง ซึ่งตัวท่านเจ้าอาวาสวัดบ้านดอน อีกทั้งตัวหลวงพ่อก็ไม่ขัดข้อง จึงย้ายมาอยู่วัดลิ้นทอง และเมื่อท่านมาอยู่วัดลิ้นทอง ก็ช่วยเอาใจใส่ในธุระ ช่วยงานของเจ้าอาวาสเป็นกำลังสำคัญในการบูรณะปฎิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆ ซึ่งในขณะนั้น วัดลิ้นทอง ชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูฐานา ของพระเทพปริยัติวิธาน (บุศย์) วัดดาวดึงษาราม กรุงเทพฯ ที่ พระครูวินัยธร ศักดิ์ชัย ธัมมสุนทโร ส่วนด้านเวทย์วิทยาคม ท่านก็ได้ทบทวนคาถาอาคม มนต์ตรา ต่างๆ ที่ศึกษามาอีกทั้งยังศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำราเก่าแก่ของวัดลิ้นทอง บำเพ็ญเพียรบารมีสงเคราะห์ญาติโยมในด้านต่างๆ เรื่อยมา มีคณะศรัทธา ญาติโยม ศิษยานุศิษน์ ถวายจตุปัจจัยมา ท่านก็ไม่เคยยินดีในลาภสักการะนั้นเลย นำไปทำนุบำรุงเสนาสนะต่างๆ ในวัด ตลอดทั้งยังสร้างขึ้นมาอีกจวบจนเกือบสมบูรณ์แล้วในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ แม้ท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาท่านก็ยังสันโดษ สมถะ คิดแต่จะสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อฝากไว้ในบวรพุทธศาสนาเจริญรอยตาม ลูกศิษย์หลวงพ่อย่อมทราบกันดีถึงคุณธรรมอย่างหนึ่งของท่าน ว่าท่านเป็นพระที่มีจิตบริสุทธิ์จริง ๆ ท่านไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ท่านให้การต้อนรับ สงเคราะห์ เหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม แต่เมื่อมาที่วัดลิ้นทอง มาถึงท่านแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมด ไม่มีศิษย์ใกล้ชิดหรือไม่ใกล้ชิด พูดคำไหนคำนั้น รู้บอกรู้ ไม่รู้บอกไม่รู้ ลูกศิษย์ลุกหามาขอให้ท่านสงเคราะห์โน่นนี่นั่น ถ้าเป็นเรื่องในสิ่งที่ทำได้…ทำ ถ้าทำไม่ได้ บอกตรง ๆ ว่า ไม่ทำ หลวงพ่อท่านมีวัตรปฎิบัติปฎิปทา ศีลาจารวัตรอันงดงาม เจริญรอยตามครูบาอาจารย์
หลายท่านแปลกใจว่าทำไมวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อใช้ดีมีประสบการณ์ อธิษฐานได้ดังใจ ปรารถนาทุกเรื่อง ที่ไม่ดีก็ดีขื้น ที่จะต่ำก็ไม่ตกต่ำเพราะมีคนอุปถัมภ์ ที่ว่าแย่ที่ว่าจนที่ว่าเจ๊งทำไมถึงดีขึ้น แปลกและน่าอัศจรรย์จริงจริง พระและวัตถุมงคลดีเปลี่ยนชีวิตได้ในราคาไม่กี่ร้อยบาท หากไม่พบเจอกับตัวเองจะไม่เชื่อเลย เพราะท่านกล่าวไว้ว่าของทุกอย่างที่ข้าทำ ข้าทำเต็มที่ เต็มกำลังทำจนสุดความรู้เพื่อให้ผู้ที่นับถือนำไปใช้จะได้ดีขึ้น ข้าไม่ได้ทำเพื่อแลกเงินหรอก ถ้าไม่นับถือกันจริงเอาไปแขวนมันก็เหมือนแขวนผงธรรมดา มันสื่อทางใจกันไม่ได้ แต่ถ้าพวกแกพอจะเชื่อถือฉันบ้าง มันก็พอที่จะช่วยได้ ของที่ฉันทำทุกอย่างต้องเอาไปใช้ดูจึงจะรู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ถ้าจะเอาไปสะสมเก็บเป็นแฟชั่นก็อย่าเอาไปเลยฉันเสียดายของ ส่วนพวกที่ใช้พระข้าแล้วบอกว่าไม่เห็นผลน่ะมีอยู่พวกเดียวคือพวกที่ไม่ได้ใช้จริงจริง นี่คืออมตะวาจาของท่านใครที่มีวัตถุมงคลของท่านย่อมทราบดีว่าสุดยอดเพียงใดครูบาอาจารย์เขาไม่ทิ้งศิษย์หรอกคอยปกปักรักษาทุกทิวาราตรี
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
LINE ID:kobsub 456
Email:kobsub@hotmail.com
หน้าที่เข้าชม | 1,704,396 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,227,139 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |