"พระครูสุวรรณศาสนคุณ" พระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี มีพลังจิตเข้มขลัง วิทยาคมแก่กล้า ชาวบ้านต่างเรียกขานนามท่านว่า "หลวงปู่ผู้เฒ่า" หรือ "หลวงปู่นาม หรือพระอุปัชฌาย์นาม" ปัจจุบันสิริอายุ 88 พรรษา 67 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านกร่าง โดยมีพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระปลัดทวี (หลานหลวงพ่อมุ้ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง พระอุปัชฌาย์ของท่าน ควบคู่กับการศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทยน้อย อักษรลาว ทำให้ท่านมีความรู้ทางด้านอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง ในพรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ (เป็นวัด 2 วัดมารวมกัน วัดเก่ามาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คือ วัดน้อยกับวัดชมภู่ รวมกันเรียกว่า วัดน้อยชมภู่) วัดนี้มีพระเกจิชื่อดังมาแต่เดิม ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เจ้านายสมัยก่อน ท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ขำ เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่ขำ เป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ต่อมา ท่านได้ไปอยู่กับหลวงปู่เหมือน ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เหมือน เป็นพระอภิญญา ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดสรรพวิชาให้ท่านมากมาย กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน สามารถเสกตัวต่อให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย หรือเสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัด เพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิง ที่เข้ามาทำลายข้าวของในวัด ดังนั้น หลวงปู่นาม จึงได้วิชาในสายหลวงปู่เหมือนมาอย่างเอกอุ พุทธาคมนี้หลวงปู่นามไม่เป็นสองรองใคร แต่ท่านไม่พูด ท่านเงียบเฉยเหมือนหลวงตาเฝ้าวัด แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับหลวงปู่นาม ส่วนหลวงปู่นามยังเคยไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลวงพ่อมุ่ย หลายครั้ง ตอนที่หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระเครื่อง ท่านยังบอกว่า "ที่สุพรรณ หมดหลวงพ่อมุ่ย ต้องไปหาพระอาจารย์นาม วัดน้อยฯ เขาเก็บไว้หมด" ในสมัยหนุ่ม หลวงปู่นามไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสรรพวิชาต่อยอดในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับท่านเจ้าคุณผัน และท่านเจ้าคุณเที่ยง (เจ้าอาวาสวัดระฆังฯ รูปปัจจุบัน) ท่านเจ้าคุณทั้งสองยังเรียกขานหลวงปู่นามว่า "หลวงพี่" หลวงปู่นาม ปลุกเสกพระเครื่องเพื่อแจกลูกศิษย์ แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไปล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่นาม เคยปรารภความหลังในกุฏิว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ นะ เสกพระงบน้ำอ้อยไว้ ไม่แน่ใจนะ ก็เอาใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเสกให้ พอเปิดกล่อง ท่านก็บอกว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว ท่านเสกจนจะบินแล้วนี่" "ฉันก็ยังไม่แน่ใจ เอาอีก เอาไปให้หลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านเสก ท่านหยิบเท่านั้นแหละ ท่านกำพระไว้ ยกมือจบยกขึ้นเหนือหัวท่านเลย หาว่าเรามาล้อท่านเล่น ท่านว่า เสกจนหมุนได้แล้วนี่จะให้ผมทำอะไรอีก" ในด้านถาวรวัตถุ ท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร กุฏิสงฆ์ ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดน้อยชมภู่ ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และแจกทุนการศึกษา ส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกปี หลวงปู่นาม หรือ พระครูสุวรรณศาสนคุณ เป็นยอดพระเกจิที่ชาวเมืองสุพรรณบุรี ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูด ไม่คุย แต่ชาวเมืองสุพรรณทราบดีว่า พระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้ ท่านสืบพุทธคุณสายลุ่มแม่น้ำท่าจีนและสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน ปัจจุบัน หลวงปู่นาม ได้สร้างวัตถุมงคล อาทิ เหรียญรุ่นแรก ตะกรุดโทน เพื่อหาเงินไปสมทบทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร และนักเรียนที่ยากจน ซึ่งเป็นปณิธานของหลวงปู่ผู้เฒ่าแห่งสุพรรณบุรี*ความลับที่คุณไม่รู้* ฉันไม่เอาหรอก มีคนมาขอทำพระหลายคน ฉันบอกให้ทำไม่ได้หรอก ฉันทำเองดีกว่า ทำไปเสกไป ฉันนั่งฉันนอนก็เสกไปทั้งวันนั้นแหละ เอาว่าดีแน่ แล้วค่อยแจกเขา ใครมาขอก็ให้ไปจะได้ไปช่วยเขาได้จริงๆ ไม่รู้นะคนอื่นเขาทำยังไง ให้ฉันสักแต่ว่าเสก ฉันทำไม่ได้ฉันไม่ได้เรียนมา ครูบาอาจารย์ฉันบอกให้ทำให้ดีที่สุด ตอนไปนอนคุยกับหลวงพี่มุ่ย (หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่) ท่านก็บอกว่า ท่านนามเอ๋ย ถ้าเราทำจริงเสกจริงๆ มันขลังแน่ และขลังอยู่ไปเป็นร้อยๆ ปี ช่วยถึงรุ่นลูกหลานเหลนเขาได้จริงๆ ฉันกับหลวงพี่มุ่ยเห็นตรงกัน ฉันต้องทำเองและเสกเองให้ขลังนั้นแหละ จึงเอาออกได้ ถ้าให้คนอื่นทำจะออกจำหน่ายท่าเดียว ไม่ดูดำดูดีเลยว่าใช้ได้มั้ย -หลวงปู่นาม องค์นี้เจิมหน้ารถด้วยดินสอพอง รถวิ่งจากสุพรรณไป กรุงเทพฯ เจอพายุฝนต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนเบอร์ ๓ แต่ถึงบ้านรอยเจิมแป้งยังอยู่ครบ ไม่หาย เรื่องจริงสอบถามที่พันจ่ากรมช่างอากาศ บางซื่อ (หรือลุงชัยพร ที่วัด) เมื่อสอบถามความจริงกับหลวงปู่ ท่านบอกว่า “ ฉันลงนะปัดตลอดไว้” -หลวงปู่นาม องค์นี้ รถชนยับ มีคนตายคารถ คนดวงเฮงไปซื้อมา ขับไปที่ไหนเจอแต่คนบอกว่า มีคนนั่งมาด้วย ไปหาหลวงพ่อองค์ไหนก็แก้ไม่หาย มาหาหลวงปู่นาม ท่านเจิมและให้ตะกรุดไปแขวนหน้ารถ ขณะแขวนตะกรุด รถโยก เหมือนมีของหนักยกออกไป “คัดซี” ลอยเลยคนเห็นทั้งวัด จากวันนั้นมา รถคันนี้ เป็นรถเรียกเงิน ผีสางหายหมด ไปทางไหนมีแต่ได้เงินกับได้ทรัพย์ -หลวงปู่นาม องค์นี้ คนกรุงเทพฯ บอกปากต่อปากว่า มีรูปหลวงปู่แล้วขายของดี เพราะท่านลงจินดามณีมนต์ให้ตอนกำลังถ่าย มีคนบอกกันปากต่อปากจนมีคนมาขอถ่ายรูปหลวงปู่วันละเป็นสิบๆ และคนถ่ายไม่ติดก็ยังมีอยู่ อย่างขอถ่ายใบเดียว ก็ถ่ายติดใบเดียว มีเยอะ หลวงปู่บอกว่า “ พระโบราณเวลาเขาถ่ายรูป ท่านต้องอธิฐานไว้ว่าให้เขาบูชาแล้วเป็นยังไง ให้ขายของดี ให้มีโชค หรือให้ไล่สิ่งไม่ดีในบ้าน” เขาไม่ถ่ายเล่นๆ นะ รูปพระรูปเจ้า เอาไปทำเล่นๆ ได้หรือ ? -หลวงปู่นาม องค์นี้ ฉันไม่เอานะเงินทอง พอเจิมให้ทำให้แล้ว ฉันจะเดินหนีเลยกลัวเขาถวายเงิน ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าเขาบอกซิว่าถวายไว้ทำอะไรฉันก็จะทำให้เขา ฉันแก่แล้วไม่รู้จะเอาเงินทองไปทำอะไร ฉันไม่โลภหรอก ครูท่านสอนมาให้มาช่วยคน ไม่ได้สอนมาให้มาหาเงิน ตายแล้วก็เท่ากัน เป็นดินน้ำลมไฟหมด เงินก็คือเหล็กคือกระดาษดีๆ นี้แหละ ดังนั้นอย่าเอาเงินมาให้ฉันนะ ให้ทำอะไรก็จะทำให้ ถ้าจะให้ก็บอกด้วยนะจะได้ทำบุญให้เจ้าของเงินถูก (พระอย่างนี้เสกของขลังนัก) หลวงปู่นาม เคยเล่าว่า หลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อขำ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ท่านมากันอีกหลายองค์ จำชื่อท่านไม่ได้ เอาตำราอะไรก็ไม่รู้มาให้ ท่านบอกว่า “นี้ นาม เอง เสกพระนะดีมากนะ พระท่านมาทำให้ ครูทั้งหมดนี้ ก็มาช่วยทำให้ทุกครั้ง ที่มานี่บอกว่า ดีแล้ว ดีแล้ว ” (คิดเอาเองว่า หลวงปู่นามเสกของแบบไหน)*ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูลครับ*
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub456