หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว (วัดไทยงาม) จ.สระบุรี เป็นอระอริยที่มากด้วยบารมี ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ชาวบ้านต่างเดินทางไปที่วัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ “หลวงพ่อผินะ ปิยธโร” สิริอายุ 89 ปี เจ้าอาวาสวัดสนมลาว ร่างหลวงพ่อผินะ ปิยธโร นั่งหมดลมหายใจในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่ปกติเพราะท่านมรณภาพเมื่อเวลาประมาณ 05.14 นาฬิกา แต่เวลาล่วงเลยกว่า 12 ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้หลวงพ่อผินะได้ทำหนังสือเขียนสั่งไว้ มีใจความว่า “เมื่อฉันละสังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียมไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด” สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2545 ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววิหาร พระพิศาลมงคลวัตร เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี (ธรรมยุต) ในขณะนั้นกล่าวว่าได้ทำการบรรจุศพในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2545 และทำตามที่ท่านสั่งไว้ โดยสั่งช่างทำโลงแก้วบรรจุศพในท่านั่งสมาธิ
อัตโนประวัติ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร มีนามเดิมว่า ทวาย หาญสาริกิจ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2456 บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี วัยเด็กหลวงพ่อมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย หลังการร้องไห้ทุกครั้งจะต้องมีอาการชักจนหน้าเขียว โยมมารดาพาไปหาหมอรักษาโรคแต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดหนทางจึงได้พาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน เจ้าอาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อสินระบุว่าชื่อทวาย เป็นกาลกิณี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นผินะ มาจากคำว่าผินะ แปลว่า หันหน้า, หันหลัง, เปลี่ยนทิศทาง, ไม่แยแส, หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นอาการดังกล่าวได้ทุเลาลง พ.ศ.2481 โยมบิดาได้ล้มป่วยและเสียชีวิต จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่ออุทิศส่วนกุศล พออายุครบบวชจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดหนองเต่า โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ในระหว่างเป็นพระภิกษุ พระผินะได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกไปจำพรรษาที่วัดเกาะเทโพ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้ศึกษาพระธรรมจากหลวงตาคำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ ล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่างกายเน่าเปื่อย พ.ศ.2481 ท่านสอบได้นักธรรมตรี และออกธุดงค์ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรีก่อนจะเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ภาคใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย พ.ศ.2485 พระผินะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ พ.ศ.2527
หลวงพ่อผินะจาริกธุดงค์ผ่านมาถึงวัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบสถ์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นวัดร้าง แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันกลายเป็นวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ หลวงพ่อผินะ เคยปรารภกับคณะศิษยานุศิษย์ว่า สถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมใช้เป็นที่ละสังขาร และได้มอบหมายให้จัดสร้างเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นอ่างน้ำด้านล่าง ที่ใส่สังขารอยู่ด้านบน อันเป็นปริศนาธรรม หมายถึงการอยู่เหนือพ้นน้ำ ดังเช่นบัวสี่เหล่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวเทศนาไว้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เหนือการตาย เวียนว่ายตายเกิดสำหรับสุสานที่เก็บสังขารหลวงพ่อผินะ คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างเจดีย์ ลักษณะคล้ายองค์พระปฐมเจดีย์ครอบไว้สูงประมาณ 10 เมตร ด้านหน้ามีรูปหลวงพ่อผินะ ใต้ฐานเจดีย์เป็นน้ำ มีปลาแหวกว่าย ทุกวันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาเลื่อมใสเดินทางมากราบไหว้สังขารหลวงพ่อผินะที่บรรจุในโลงแก้วอยู่เป็นประจำ
หลวงพ่อผินะ ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ทางใจเป็นอัศจรรย์ วัตถุมงคลยอดขลัง ประสบการณ์มหัศจรรย์ ท่านสำเร็จกสิณ 10 สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ตามประสงค์ รู้วาระจิตของคนอื่น ปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นมาเหมือนมีชีวิตจิตใจ สามารถบนบอกได้ ขอได้ พูดกันรู้เรื่อง ขอให้มีของท่าน อะไรก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน
ในสมัยก่อนนั้นได้เคยมีรายการทีวีไปขอสัมภาษณ์ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธ การสร้างวัดของท่านก็ไม่เคยไปรบกวนญาติโยมให้เป็นที่เหนื่อยใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ที่สำคัญท่านได้สร้างตามนิมิตที่เกิดขึ้น เหมือนดั่งจำลองสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์ และได้ทำให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อให้คนเรานั้นได้คิด มีแต่ว่าใครศรัทธาก็มาทำบุญกันไปตามกำลังอันควร แนวทางการสอนธรรมะของท่านก็เน้นเรื่องการแก้ไขสัญญาวิปลาสที่ยึดติดอยู่ในรูปร่างกายที่มักเห็นว่าเป็นของสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยรังแห่งโรค เป็นที่น่าสกปรก เน่าเสียเปลี่ยนแปลงไปทุกวันไม่คงที่ ซึ่งที่เราเรียกว่าอสุภกรรมฐาน นอกจากนี้ท่านยังได้แผ่บารมีช่วยเหลือลูกศิษย์ตามเรื่องเดือดร้อนของคนนั้นๆเป็นรายๆไป จนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ลูกศิษย์ของท่านมีตั้งแต่ตำรวจทหารที่มียศมีตำแหน่ง นายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการและพ่อค้า รวมไปถึงผู้ที่นิยมชมชอบเรื่องการนั่งกรรมฐาน เชื่อกันว่าหลวงพ่อผินะนั้นเป็นผู้ที่สำเร็จกสิณต่างๆ เป็นผู้ที่มีจิตเข้มแข็งล่วงรู้อดีตและอนาคตได้ สามารถอธิษฐานจิตช่วยเหลือผู้ที่มีเคราะห์กรรมให้ผ่านพ้นไปได้ ที่สำคัญหลวงพ่อผินะได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างมาก วัตถุมงคลและเครื่องรางของท่านนั้นผู้ที่ได้ไปบูชาติดตัวอยู่ต่างก็รับรู้ถึงประสบการณ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันเสนีดจัญไรคุณไสย์ต่างๆ เรียกได้ว่าครอบจักรวาล
เรื่องราวของอภินิหารและจิตตานุภาพของหลวงพ่อผินะนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวขานกันมาตลอด แต่ด้วยหลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่ปฏิเสธสื่อต่างๆ คือไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียงสรรเสริญเยินยอ ท่านจึงไม่ค่อยให้เผยแพร่ แต่ก็มีบางคนที่ได้พบเห็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติมากมายจากหลวงพ่อท่าน เช่น ท่านเคยเสกทรายเพื่อนำไปสะกดและขับไล่อาถรรพ์ในที่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง โดยให้นำทรายมาใส่ในถังน้ำที่มีน้ำอยู่ แล้วท่านก็ใช้มือเปล่าจุ่มน้ำ แล้วใช้จิตดูดทรายเข้ามาที่ฝ่ามือ ทีละกำมือ เมื่อยกมือขึ้นพ้นน้ำปรากฏว่ามือท่านแห้งสนิท หลวงพ่อผินะท่านเสกทรายแบบนี้ทีละกำมือจนทรายหมดในถังน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2542 ได้รับการบอกเล่าจากลูกศิษย์สายตรงที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ บางคนบอกว่าหลวงพ่อผินะนั้นมีพลังจิตที่พิเศษเข้มแข็งเหมือนกับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หรือบางคนก็ว่าเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านได้ปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก สามารถจะดลบันดาลให้เรื่องราวต่างๆประสบแต่เรื่องดีๆ ในชีวิต หลวงพ่อท่านพูดกับหลายคนเสมอว่า พระเครื่องและเครื่องรางของท่านต่อไปจะหายากพลิกแผ่นดิน ให้เก็บรักษาให้ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้น ถือว่าเป็นตัวช่วยที่เห็นผลจริงในนาทีนี้ หากไม่ฝืนกฏแห่งกรรมแล้วไซร้ ความเข้มขลังย่อมส่งผลแน่นอน
เมื่อปี พ.ศ. 2536 หลวงพ่อผินะได้บอกหลวงพ่อขวัญ พิจิตร และคนใกล้ชิดหลายๆ คนว่า ปี พ.ศ. 2540 เงินจะต่อเงิน แต่ให้ระวังความวุ่นวาย มีลูกศิษย์ของท่านบางคนหัวไวเลยซื้อเงินดอลล่าร์เก็บไว้เป็นจำนวนมาก พอปี พ.ศ.2540 ก็ได้มีการประกาศค่าเงินบาทลอยตัว จากราคาหนึ่งดอลล่าร์ยี่สิบสี่บาทกลายเป็นหนึ่งดอลล่าร์ห้าสิบบาท ปรากฏว่าลูกศิษย์คนนี้ได้กำไรมากพอที่จะนำเงินไปถวายท่านหนึ่งล้านบาทสดๆ เรื่องนี้ก็เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ลูกศิษย์ท่าน กล่าวขานกันว่าท่านมีอนาคตังสญาณคือการล่วงรู้อนาคตอย่างแม่นยำ มีหูทิพย์ ตาทิพย์สามารถพูดคุยสื่อสารกับเทวดาและจิตวิญญาณต่างๆ ได้ เช่น ท่านสามารถสื่อสารกับเทพองค์หนึ่งในโลกทิพย์ได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อ และคอยบอกกล่าวแนะนำการปฏิบัติของท่านให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก เทพองค์นี้มีชื่อว่า ท่านเจริญธรรม
หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว เป็นพระอริยะผู้มากด้วยบารมี ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิตั้งแต่ปี 2545 วัตถุมงคลของท่านจึงมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ล่ำลือกันในหมู่ลูกศิษย์ สายตรงมาเป็นเวลานานแล้วครับ
คำบูชาหลวงพ่อผินะ ปิยธโร จุดธูป 5 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ อะหัง สุขโต ผินะ ปิยะธะโร นามะเต อาจาริโยเม ภันเต โหหิ (ว่า 3 จบ) บูชาด้วยพวงมาลัยดอกมะลิและบุหรี่กรุงทอง
คาถาบูชาวัตถุมงคลของพ่อผินะ “นะเตสุเต” สวดเท่าอายุ ปิดท้ายด้วย “มหาสุเตนะชา” อธิษฐานตามจิตปรารถนา
(ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล-พุทธคุณแดนสยาม)
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub456
หน้าที่เข้าชม | 1,704,396 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,227,139 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มี.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |