“พระครูสุวัณโณปมคุณ” หรือ “หลวงปู่คำพอง ติสโส” พระวิปัสสนาจารย์ลือชื่อแห่งภาคอีสาน ประธานสงฆ์วัดถ้ำกกดู่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และอดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์โยธี อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พระป่าศิษย์รุ่นน้องหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง ที่เคยปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จัดสร้างวัตถุมงคลไม่มากนัก แต่เป็นที่นิยมและแสวงหา
ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2465 ที่บ้านกุดตะกร้า ต.สงเปลือย อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี บิดา-มารดาอาชีพทำนา
อายุ 9 ขวบ บิดาอพยพครอบครัวไปอยู่บ้านกุดฉิม อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี อยู่ได้ 5 ปี ก็ย้ายมาอยู่บ้านกุดเต่า จนอายุ 18 ปี มารดาถึงแก่กรรม ต้องช่วยครอบครัวทำมาหากิน จนไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน จึงหันเหชีวิตไปฝึกหัดมวยไทยกับครูสมพงศ์ เวชสิทธิ์ ขึ้นชกตามเวทีต่างๆ รวมทั้งเวทีราชดำเนิน สมัยยังล้อมรั้วด้วยสังกะสี
อายุ 21 ปี อุปสมบทที่วัดมหาชัย อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี มีพระครูพิศาลคณานุกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่มั่นแนะนำให้ไปพำนักกับหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ วัดดอยธรรมเจดีย์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน และค่ำลงให้เดินทางมารับการอบรมธรรม อยู่ฟังเทศน์หลวงปู่มั่นได้ 3 เดือน ก็กราบลาไปคัดเลือกทหาร เมื่อไม่ถูกเกณฑ์ก็ตั้งใจกลับไปหาหลวงปู่มั่นอีกครั้ง แต่หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ ศิษย์รุ่นใหญ่ของพระอาจารย์มั่น ชักชวนให้ไปอยู่ที่วัดบ้านกลางใหญ่ พบหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี อยู่ปรนนิบัติและรับการอบรมธรรมประมาณ 2 ปี จึงกลับมาอยู่รับใช้ และรับการอบรมแนะนำการปฏิบัติทางด้านจิตตภาวนาอย่างยิ่งยวดกับหลวงปู่มั่น ร่วมกับพระเถระพระผู้ใหญ่มากมายหลายรูป รวมระยะเวลาถึง 4 ปีเต็ม คือในปี พ.ศ.2489-2492
หลังจากหลวงปู่มั่นมรณภาพ ท่านเดินทางสู่ภาคใต้ แถบ จ.ภูเก็ต, สตูล, พังงา ไปกับขบวนของหลวงปู่เทสก์ มีพระเณรรวมทั้งสิ้น 8-10 รูป หนึ่งในนั้นคือ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต ท่านไปอยู่ที่ที่พักสงฆ์ อ.โคกกลอย จ.พังงา หรือวัดราษฎร์โยธี จนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบล โดยจำพรรษาอยู่ 23 ปี และที่ภูเก็ต 2 ปี อุปนิสัยของท่าน เป็นคนตรง พูดจาโผงผาง จริงจัง และจริงใจ ไม่ยึดติด มานะอดทนเป็นเลิศ
ทั้งนี้ การไปเผยแผ่ธรรมที่ภาคใต้ กว่าจะได้รับการยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยถูกต่อต้านจากคนบางกลุ่มที่กลัวเสียผลประโยชน์ ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสงฆ์ในพื้นที่
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังมีความเห็นผิดเกี่ยวกับ “พระบ้าน” และ “พระป่า” แต่หลวงปู่คำพองยืนหยัดสู้ปัญหา สร้างความเข้าใจและความสามัคคีให้เกิดขึ้น จนพระท้องถิ่นมหานิกาย กับพระกัมมัฏฐาน (ธรรมยุต) ฉันภัตตาหารและสวดร่วมกันได้ ตลอดเวลา 25 ปี ท่านจึงเป็นที่เลื่อมใสของชาวปักษ์ใต้ โดยเฉพาะชาวพังงา
พ.ศ.2518 หลวงปู่คำพอง สละตำแหน่งทางคณะสงฆ์ภาคใต้ทั้งหมด เดินทางกลับ จ.อุดรธานี คณะศรัทธาที่ทราบข่าวได้นิมนต์ให้มาจำพรรษาที่วัดป่าพัฒนาธรรม อ.หนองวัวซอ อยู่ประมาณ 10 ปี เห็นว่าความเจริญเข้าสู่วัดมากแล้ว ท่านจึงได้มาสร้างวัดขึ้นบนภูเขาชื่อ “ภูพังคี” ตั้งชื่อว่า “วัดถ้ำกกดู่” และอยู่จำพรรษานับตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 เรื่อยมา นับแต่สร้างวัดถ้ำกกดู่ขึ้น ท่านคงสภาพให้เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะสมต่อการปฏิบัติธรรมไว้มากที่สุด ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสงวนที่ดินไว้สำหรับการอนุรักษ์ป่าและต้นน้ำ
นอกจากนี้ ยังขออนุญาตกรมป่าไม้ จัดตั้งป่ารอบบริเวณวัดให้เป็นพุทธอุทยาน เพื่อรักษาสภาพป่าและใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนาของพระสงฆ์สามเณร
งานพัฒนาท้องถิ่น สร้างทางข้ามเขาติดต่อระหว่าง อ.หนองวัวซอ กับ อ.โนนสัง จ.อุดรธานี ทำให้ประชาชนทั้งสองอำเภอติดต่อกันได้สะดวก
หลวงปู่คำพอง เป็นโรคหัวใจโตมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่เต็มปอด เมื่อต้องบิณฑบาตไกลๆ หรือเดินขึ้นเขา กระทั่งคืนวันที่ 2 ธันวาคม 2544 ก็มรณภาพลงอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ สิริอายุ 80 ปี พรรษา 59 (ที่มา:น.ส.พ.มติชน)
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub