เมื่อราวพุทธศักราช ๑๘๓๐ พระเจ้าแผ่นดินสยามซึ่งครองราชสมบัติครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี มีปรากฏพระนาม ๖ พระองค์ คือ
๑. ขุนศรีอินทราทิตย์
๒. ขุนบาลเมือง
๓. พ่อขุนรามคำแหง
๔. พระยาเลลิไท
๕. พระเจ้าลิไท
๖. พระสุริยพงษ์รามมหาธรรมิกราชาธิราช
ทุกพระองค์ปกครองบ้านเมืองตามทำนองคลองธรรม ทรงยกย่องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พร้อมทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะทรงสร้างพระพุทธรูปอันเป็นสิ่งเคารพสูงสุดของชาวพุทธไว้เป็นจำนวนมาก และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจะมีคำว่า “พระร่วง” ปรากฏในชื่อพระพุทธรูปนั้นเสมอ
คำว่า “ร่วง” หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ เช่น วาจาพระร่วงเป็นวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์ พูดให้เป็นอย่างไรก็จะเป็นไปอย่างนั้น เป็นต้น และพระพุทธรูปในสมัยราชวงศ์พระร่วงนั้น แต่ละองค์ล้วนมีพุทธลักษณะที่งดงามอย่างยิ่ง แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไปประมาณ ๖๒๐ ปีเศษ พระพุทธรูปที่ถูกสร้างไว้อย่างวิจิตรบรรจงต่างก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามสภาพของอนิจจตา
ลุถึงปี พ.ศ. ๒๔๕๑ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ยังทรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช ได้เสด็จตรวจค้นโบราณสถานในมณฑลฝ่ายเหนือ ได้ทอดพระเนตรพระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก และมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เมืองศรีสัชนาลัย กอปรด้วยพระพักตร์ลักษณ์งามเป็นที่ต้องพระหฤทัย แต่ชำรุดมาก คงเหลือแต่พระเศียรกับพระหัตถ์ข้างหนึ่ง และพระบาทเท่านั้นที่สภาพดีอยู่ ซึ่งสันนิษฐานได้แน่ว่าเป็นพระพุทธรูปยืน จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมาที่กรุงเทพฯ
ครั้นเมื่อได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้ กรมหลวงนเรศน์วรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร) เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ปั้นหุ่นสถาปนาให้บริบูรณ์เต็มองค์มีขนาดความสูงจากพระเกศถึงพระบาท ๑๒ ศอก ๔ นิ้ว กำหนดการพระราชพิธีเททองหล่อ ณ มณฑลพิธีวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ด้วยพุทธลักษณะยืนปางห้ามญาติ หล่อด้วยโลหะทองเหลืองหนัก ๑๐๐ หาบ
ครั้นตกแต่งแล้วเสร็จได้อัญเชิญโดยขบวนรถไฟหลวงออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ประดิษฐานไว้ในซุ้มเรือนแก้ว พระวิหารด้านทิศเหนือ ณ องค์พระปฐมเจดีย์ มีเจ้าพนักงานจัดการประกอบแต่งองค์ลงรักปิดทองจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๘ จากนั้น เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศกระแสพระบรมราชโองการพระราชทานพระนามพระพุทธปฏิมานี้ว่า “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร”
นับแต่รัชกาลที่ ๖ ได้ทรงนำพระพุทธปฏิมานาม “พระร่วงโรจนฤทธิ์” มาประดิษฐาน ณ พระวิหารด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๑๐๐ ปี ปรากฏเป็นสัญลักษณ์ศูนย์รวมจิตใจเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
การจัดสร้างวัตถุมงคล พระทุกองค์ทางวัดผสมด้วยชนวนเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์มีทองปิดองค์พระร่วงเก่า ระฆังโบราณ ชนวนพระร่วงใบมะยม ปี ๒๔๘๕ เป็นต้น พิธีมหาพุทธาภิเษกนั่งปรกแผ่เมตตาจิต ณ พระวิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ โดยพระเกจิคณาจารย์ ๒๗ รูป อาทิ หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม, หลวงพ่อยิ้ม วัดลาดปลาเค้า, หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อยิ้ม วัดโกสินารายณ์, หลวงพ่อทองสุข วัดหนองปลาดุก, หลวงพ่อล้อม วัดไผ่รื่นรมย์, หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี, หลวงพ่อคง วัดเขากลิ้ง, หลวงพ่อแดง วัดมะนาว, หลวงพ่อไพโรจน์ วัดห้วยมงคล, หลวงปู่ซ่วน วัดเขาแดง, หลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ, หลวงปู่ยวง วัดโพธิ์ศรี ,หลวงปู่หนู วัดไผ่สามเกาะ, พระอาจารย์เจี๊ยบ วัดหุบตาโคตร, พระครูภาวนาธรรมโสภณ วัดป่าธรรมโสภณ ฯลฯ โดยมีพระพรหมเวที เจ้าคณะภาค ๑๕ (จุดเทียนชัย)
เหรียญพระร่วงโรจนฤทธิ์ ครบ ๑๐๐ ปี พิมพ์หยดน้ำ เนื้อระฆังกะหลั่ยทอง วัดพระปฐมเจดีย์ จัดสร้างปี ๒๕๕๘ มีกล่องเดิมครับ
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
LINE ID:kobsub456
Email:kobsub@hotmail.com