พระครูบวรธรรมกิจ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อเทียน อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและเคารพศรัทธาของชาวปทุมธานีและพุทธศาสนิกชนทั่วไป วัตถุมงคลของท่านล้วนเป็นที่นิยมสะสมของบรรดาศิษยานุศิษย์และบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง
หลวงพ่อเทียน ปุปผธัมโม เป็นชาวปทุมธานีโดยกำเนิด เกิดที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ในปี พ.ศ.2419 เมื่ออายุได้ 11 ขวบ เริ่มเล่าเรียนหนังสือรามัญกับพระอธิการวัดป่าหรือวัดชัยสิทธาวาส อ.สามโคก และพระอธิการนวล วัดโบสถ์ พออายุ 14 ปี เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาต่อที่วัดมหาพฤฒารามจนจบหลักสูตร จากนั้นเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในวังพระองค์เจ้าขาว 1 ปี แล้วย้ายไปรับราชการเป็นเสมียนกับอธิบดีศาลอุทธรณ์ จนอายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาออกและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบางนา อ.สามโคก ได้รับฉายา "ปุปผธัมโม" มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ เพื่อศึกษาวิชากับพระรามัญมหาเถระซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์จนมีความรู้แตกฉาน ทั้งภาษาบาลีและรามัญ ท่านเป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ มีเมตตาธรรม เป็นที่รักเคารพของพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้ไกล มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในปี พ.ศ.2448 พรรษาที่ 9 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ รูปที่ 3 ต่อจากพระอธิการนวล และได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมาดังนี้.-
-ปี พ.ศ.2457 เป็นเจ้าคณะตำบลบ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี
-ปี พ.ศ.2469 เป็นพระอุปัชฌาย์
-ปี พ.ศ.2477 เป็นพระครูชั้นประทวนและกรรมการการศึกษา ฯลฯ
สมณศักดิ์สุดท้าย หลวงพ่อเทียนได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอก ราชทินนามที่พระครูบวรธรรมกิจ หลวงพ่อเทียน ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2509 สิริอายุ 90 ปี พรรษา 70
หลวงปู่เทียน เป็นศิษย์ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป แต่ที่ท่านให้ความเคารพสูงสุดคือ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ว่ากันว่าท่านได้วิชาจากหลวงพ่อจงมาหลายอย่าง ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องพระเนื้อผง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสมเด็จ ที่คนทั่วไปและนักสะสมพระเครื่องเสาะแสวงหากันมาก เพราะเกิดประสบการณ์กับผู้นำไปใช้เป็นที่เล่าขานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งด้านแคล้วคลาด มหาอุด โภคทรัพย์ ที่โดดเด่นมาก คือ ด้านเมตตามหานิยม ซึ่งเป็นพุทธคุณสายพระสมเด็จโดยตรง
พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร นักสะสมพระเครื่องสายพระสมเด็จในสมัยนั้น มักจะบอกกับคนใกล้ชิดว่า...ถ้าหาพระสมเด็จวัดระฆังไม่ได้ พระสมเด็จหลวงปู่เทียนนี่แหละใช้แทนได้เลย คำบอกกล่าวนี้แสดงว่าท่านเชื่อมั่นในหลวงปู่เทียน อันเป็นผลมาจากการที่ท่านได้รู้เห็นกรรมวิธีในการสร้างว่ามีพื้นฐานแบบเดียวกับการสร้างพระสมเด็จสายวัดระฆัง นั่นคือการผสมผงวิเศษ ๕ ประการที่หลวงปู่เทียนท่านสำเร็จ ซึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้เห็นอภินิหารของผงที่หลวงปู่ลบด้วยตาตัวเองและยังไปบอกกล่าวให้คนอื่นๆ ได้ทราบด้วย
ผงวิเศษ ๕ ประการ คือ ผงปัถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และผงตรีนิสิงเห
การลบผงจึงเป็นต้นทางของการมุ่งสู่การหลุดพ้นและเป็นความมหัศจรรย์ที่ทำให้เกิดผงวิเศษเป็นผลพลอยได้ ผงดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องปลุกเสกบรรจุธาตุ และเรียกอาการ ๓๒ ตามกรรมวิธีของการปลุกเสกพระเครื่อง จึงถือได้ว่าผงนี้มีชีวิตแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์สูงมาก พระเกจิอาจารย์ที่ลบผงเสร็จแล้วต้องพิถีพิถันทำการเก็บรักษาอย่างดี ถ้าทำหล่นลงพื้นใครเหยียบเข้าถึงกับสติฟั่นเฟือนเป็นบ้าได้ และที่ท่านระมัดระวังมาก คือ เกรงว่าพวกลูกศิษย์ที่นอกลู่นอกทางจะขโมยผงอิทธิเจ เอาไปผสมน้ำให้ผู้หญิงดื่ม แล้วทำมิดีมิร้ายเขา
พระของหลวงปู่เทียนก็เช่นกัน ท่านจะบอกลูกศิษย์เสมอว่า พระของข้าต่อให้หักจนเหลือแค่เพียงเมล็ดงา ถ้าพวกเอ็งมีไว้ก็จะไม่ตายโหง แสดงว่าท่านมั่นใจในผงของท่านมาก
นอกเหนือจากผงวิเศษ ๕ ประการแล้ว ท่านยังสำเร็จวิชาการลบผง ๑๒ นักษัตร อันเป็นวิชาของชาวมอญที่ตกทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีพระเกจิอาจารย์รูปใดในยุคก่อนๆ ที่วงการรู้จักมีการทำผงชนิดนี้ นี่จึงเป็นของวิเศษอันสุดยอดของหลวงปู่เทียนที่พระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ไม่มี
ผง ๑๒ นักษัตร เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับโหราศาสตร์ที่อธิบายได้ว่า มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องเกิดมาในปีนักษัตรใดนักษัตรหนึ่ง และในปีหนึ่งๆ นั้นประกอบไปด้วย ๑๒ ราศี ที่มีความเกี่ยวพันกับดวงดาว อันเป็นตัวกำหนดเส้นทางชีวิตของคนคนนั้น ที่เรียกว่า “ดวงชะตา” ด้วยภูมิปัญญาอันล้ำลึกของพระเกจิอาจารย์ที่สามารถนำเอาอำนาจพลังจิตซึ่งเป็นสิ่งทรงพลังสูงสุด มาผสมผสานกับพลังของดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อทุกชีวิตบนโลก โดยทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพในการหนุนส่งดวงชะตาในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์และปกป้องไม่ให้ตกต่ำในยามที่ดวงไม่ดี ต้องถือว่านี่คือวิทยาการขั้นสูงสุดของการสร้างวัตถุมงคล ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะศึกษาวิชาลบผง ๑๒ นักษัตร จะต้องเป็นผู้มีญาณสมาธิขั้นสูงและมีสติปัญญาล้ำเลิศจึงจะศึกษาได้สำเร็จ
สำหรับหลวงปู่เทียน ท่านศึกษาค้นคว้าวิชานี้จากตำราโบราณที่อาจารย์มอบให้จนสำเร็จด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าท่านไม่ใช่พระเกจิอาจารย์ระดับธรรมดา วัตถุมงคลของท่านทุกองค์จะมีผง ๑๒ นักษัตรผสมอยู่ด้วยจึงมีอานุภาพในการคุ้มครองดวงชะตา เมื่อแขวนไปเรื่อยๆ จะทำให้ดวงดี คนเราเมื่อดวงดีแล้วทุกอย่างก็จะดีตาม ทำให้การดำเนินชีวิตราบรื่น หากติดขัดในเรื่องใดก็ขอให้ท่านช่วยได้ ลักษณะเช่นนี้เป็นความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับวัตถุมงคลขององค์เทพ คือ ขอปุ๊บได้ปั๊บ
ท่านเริ่มทำพระผงตั้งแต่ ปี พ.ศ.2506 เป็นต้นมา โดยหลวงปู่ได้เขียนผงอิทธิเจ และผงปถมัง ด้วยตัวของท่านเอง ตามสูตรการเขียนผงอยู่หลายปี นอกจากนี้หลวงปู่ยังได้เก็บสะสมผงอื่นๆ จากพระอาจารย์ดังๆ รวมทั้งว่านหลายชนิด เช่น นางกวัก ว่านเพชรน้อย ว่านเพชรใหญ่ ว่านเพชรกลับ พร้อมกันนี้ก็ได้นำเศษพระชำรุดจากพระผงสมเด็จกรุวัดใหม่อมตรส วัดอินทรวิหาร วัดบางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร ผงวัดระฆังฯ ผงจากหลวงปู่หิน หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ ผงจากวัดสามปลื้ม ผงจากวัดสุทัศน์ฯ ในครั้งแรก หลวงปู่ท่านทดลองพิมพ์พระเอง ปรากฏว่าไม่ประสบผลสำเร็จ เนื้อพระเปาะ แตก และหัก พิมพ์ออกมาแล้วไม่สวยบ้าง หลวงปู่ได้แก้ไขและทดลองพิมพ์มาอีกหลายครั้ง ใช้น้ำมนต์และน้ำมันตั้งอิ้วเป็นตัวประสานผง จนประสบผลสำเร็จเป็นที่พอใจ ผลปรากฏต่อมาว่าพระผงหลวงปู่เทียน เนื้อดี เป็นมันแกร่ง คล้ายพระกรุวัดใหม่อมตรส และที่สำคัญเป็นที่เลื่องลือมากในพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ลูกศิษย์ลูกหาประชาชนทั่วไปต่างก็สนใจ เก็บสะสมกันยกใหญ่
พระสมเด็จ พิมพ์หูบายศรี ฐาน 9 ชั้น ฝังตะกรุด 2 ดอก หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่ในท่านั่งสมาธิ ประทับบนฐาน ครองจีวรลดไหล่ พาดสังฆฏิ ในซุ้มเรือนแก้ว เนื้อพระมวลสารดี ใต้ฐานบรรจุตะกรุด 2 ดอก คนพื้นที่ว่าดีทางด้านคงกระพัน จัดสร้างปี 2506 ครับ
โทร.081-661-9989
LINE ID:kobsub456
Email:kobsub@hotmail.com