เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ เนื้ออัลปาก้า พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม.
| รหัสสินค้า | SKU-05446 |
| หมวดหมู่ | เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม |
| ราคา | 2,000.00 บาท |
| สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
| ลงสินค้า | 16 ก.ค. 2565 |
| อัพเดทล่าสุด | 15 พ.ค. 2568 |
| คงเหลือ | ไม่จำกัด |
| จำนวน | ชิ้น |
หยิบลงตะกร้า
รายละเอียดสินค้า
เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsubเหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsubเหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
เงื่อนไขอื่นๆ
เหรียญพระสุนทรีวาณี พิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรฯ กทม. จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ พระธรรมภาวนาวิกรม (ธงชัย ธัมมธโช) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมมังคลาจารย์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีสมโภชหิรัญบัฏ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย) ได้สร้างเหรียญพระสุนทรีวาณี เป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่คณะศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 ณ มณฑปหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี โดยมีสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และประกอบพิธีจุดเทียนชัย หลวงพ่อชาญ อิณมุตโต วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมด้วยพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสก
พระพรหมมังคลาจารย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างพระสุนทรีวาณี ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระสุนทรีวาณี คือ เทวดาวิเศษองค์พระธรรม ที่บังเกิดภายในดอกประทุมชาติ คือ พระโอษฐ์แห่งพระมุนินทรสัมพุทธเจ้า พระสุนทรีวาณีแต่เดิมนั้นเป็นภาพพระสุนทรีวาณี (นางฟ้า) สถิตอยู่บนดอกบัว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสรูปที่ 3 แห่งวัดสุทัศนเทพวนาราม คิดแบบขึ้นมาจากพระสูตรสัททาวิเศษ แล้วทรงให้หมื่นศิริธัชสังกาศ-เจ้ากรม (แดง) จัดเขียนขึ้นเอาไว้ในพระตำหนักของท่าน ปรากฏว่าเป็นที่สนพระทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในบันทึกจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติ เล่าเอาไว้ว่า คราวครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปเจริญสัมพันธไมตรียังต่างประเทศ ด้วยพระองค์มีพระราชศรัทธาในสมเด็จพระวันรัต (แดง) เสด็จฯ ไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ว่า "โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม โยมมีความกังวลใจ 2 เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้เขียนพระคาถาสุนทรีวาณี บทหนึ่งว่า "มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตัง มะนังฯ" แปลว่า "ขอพระสัทธรรมอันงามบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือพระโอษฐ์ของพระจอมมุนี ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายพระสัทธรรม) ขอพระสรัสวดีอันบังเกิดในห้องแห่งบงกช คือ พระโอษฐ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นที่พึ่งของปราณชาติทั้งหลาย จงยังใจของข้าพเจ้าให้เอิบอิ่ม (ฝ่ายเทวดา)" ทั้งได้ถวายพระพรว่า ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัยในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ ก็จะเกิดองค์ฌานสมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย"
เมื่อครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับสยามประเทศ เสด็จฯ ไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วตรัสว่า "พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่งขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยวบยาบทั้งลำเรือ พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่ รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด ฝรั่งจะทำให้ขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง เป็นอย่างยิ่ง" (ปัจจุบันม้าตัวนั้น คือม้าทรงที่พระบรมราชา นุสาวรีย์ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม)
เหรียญพระสุนทรีวาณี สมโภชหิรัญบัฏ ออกแบบพิมพ์ทรงที่งดงามตามคติโบราณ และเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามแบบฉบับโบราณาจารย์ ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปลักษณ์พระสุนทรีวาณี ด้านล่างเขียนคำว่า พระสุนทรีวาณี ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พรหมสี่หน้า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ด้านบน หมายถึง องค์แทนพระพุทธเจ้า ส่วนพระพรหม หมายถึงองค์แทนพระธรรม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์และภาวนาจิต คือ องค์แทนพระอริยสงฆ์ (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์)
วิธีการชำระเงิน
ชำระเงินผ่านธนาคาร
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สาขานครปฐม ออมทรัพย์
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
519-xxxxxx-1
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
➜ เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม