พระพุทธเมตตา หลังเจดีย์พุทธคยา เนื้อผงพุทธคุณ

พระพุทธเมตตา หลังเจดีย์พุทธคยา เนื้อผงพุทธคุณ
พระพุทธเมตตา หลังเจดีย์พุทธคยา เนื้อผงพุทธคุณพระพุทธเมตตา หลังเจดีย์พุทธคยา เนื้อผงพุทธคุณ
รหัสสินค้า SKU-05886
หมวดหมู่ หลายพระคณาจารย์
ราคา 1,200.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 19 พ.ย. 2567
อัพเดทล่าสุด 25 พ.ค. 2568
คงเหลือ ไม่จำกัด
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

พระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธปฏิมาอันงดงามยิ่ง มีพระพุทธลักษณะ หน้าตักกว้าง ๑๔๗ เซนติเมตร สูง ๑๖๕ เซ็นติเมตร สร้างด้วยเนื้อหินทราย ศิลปะสมัยราชวงศ์ปาละ แกะสลักจากหินสีดำเนื้อละเอียด   ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ประดิษฐาน ณ ห้องบูชาชั้นล่างสุดของพระมหาเจดีย์พุทธคยาทางประตูด้านทิศตะวันออก มีอายุกว่า ๑,๔๐๐ กว่าปี คนไทยเรียกว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือปางชนะมาร คนอินเดียเรียกว่า ปางภูมิสัมผัส หรือปางภูมิผัสสะ โดยเมื่อครั้งตอนที่พระยามารพร้อมเสนามารมาผจญไล่พระพุทธองค์ให้ลุกหนีไปเสียจากพุทธบัลลังก์ที่ประทับ พระพุทธองค์ทรงชี้ให้พระแม่ธรณีมาเป็นพยานในการทำความดีในอดีตชาติของพระองค์ โดยพระแม่ธรณีได้บีบน้ำในมวยผมที่พระพุทธองค์ได้ทรงฝากไว้ตอนตรวจน้ำทำบุญทุกครั้ง กระทั่งในที่สุดทำให้พระยามารต้องพ่ายแพ้ต่อพระพุทธบารมี

มีตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธเมตตา คือ ในศตวรรตที่ ๑๓ พระเจ้าสาสังกา กษัตริย์ฮินดูของรัฐเบงกอล ที่ไม่ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นมคธ ซึ่งมีพระเจ้าปุรณวรมา เป็นผู้ปกครองในสมัยนั้น ต้องการประกาศตนเป็นอิสระ จึงได้กรีฑาทัพมาทำลายจุดศูนย์กลางของแคว้นมคธ คือบริเวณดินแดนแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ทันที ด้วยหมายจะทำลายขวัญของกษัตริย์และประชาชนเสียก่อน แล้วจึงค่อยยกทัพไปตีเมืองหลวงในขั้นต่อไป เพราะบริเวณพุทธคยานี้มีต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระพุทธเมตตาเป็นหัวใจสำคัญที่ชาวพุทธให้ความเคารพนับถือกราบไหว้บูชากันมาก ทำให้การขยายตัวทางพระพุทธศาสนาได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

เมื่อกษัตริย์ชาวฮินดูได้เข้ายึดบริเวณพุทธคยาแล้วได้รับสั่งให้ทหารเริ่มระร้านกิ่งก้านสาขาต้นพระศรีมหาโพธิ์และตัดรากจนหมดสิ้น แม้แต่รากต้นพระศรีมหาโพธิ์จะเลื้อยชอนไชไปในทิศทางใดก็สั่งให้ทหารขุดรากออกให้หมด จากนั้นก็สั่งให้ฟางอ้อยต่างเชื้อเพลิงวางสุ่มที่ตอแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้วลาดน้ำมันจุดไฟเผา ด้วยประสงค์จะมิให้หน่อแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้มีโอกาสงอกขึ้นมาเลย จากนั้นรับสั่งให้เสนาบดีเข้าไปภายในมหาวิหารและนำพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อหินทราย ออกไปจากมหาวิหาร แต่เผอิญเสนาบดีเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าคิดว่า ถ้ามาตรแม้นว่าเราจะนำพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปเสียจากวิหารแล้วไซร์ ก็เกรงกลัวว่าจะเกิดไม่ทันศาสนาพระศรีอาริย์ แต่ถ้าเราไม่นำออกไปตามพระบัญชา เราก็จะต้องถูกประหารชีวิตโดยไม่ต้องสงสัย ทันใดนั้น ความคิดอย่างหนึ่งก็ได้เกิดขึ้นมา แล้วกราบทูลแต่พระราชาว่า พระพุทธรูปองค์นี้ใหญ่โตมากยากที่จะนำออกไปในวันนี้ได้ ข้าพระองค์ใคร่ขอโอกาสสัก ๗ วัน เพื่อหาทางนำพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปจากพระวิหารให้จงได้ พระเจ้าสาสังกาจึงตกลงพระทัยยอมให้ปฏิบัติตามคำขอร้องของเสนาบดี ฝ่ายเสนาบดี จึงได้เริ่มแผนการตามที่ตนคิดไว้ในใจ โดยใช้แผ่นอิฐมากก่อเป็นกำแพงกำบังพระพุทธรูปไว้อย่างมิดชิด พร้อมกับตั้งประทีปโคมไฟบูชาไว้ภายในกำแพงที่กั้นปิดไว้

ครั้นครบ ๗ วันจึงกราบทูลพระราชาว่า บัดนี้เกล้ากระหม่อมฉันได้จัดการนำพระพุทธรูปออกไปจากพระมหาวิหารแล้ว พระเจ้าสาสังกา พอได้สดับคำเช่นนั้น แทนที่พระองค์จะยินดีปรีดาเพราะความปรารถนาของพระองค์สำเร็จแล้ว แต่พระองค์กลับทรงเสียพระทัยถึงกับมีพระโลหิตออกจากปากและจมูก แล้วล้มลงต่อหน้าหมู่ทหารและสวรรคต ณ ที่นั้นเอง ในขณะที่กองทัพพระเจ้าสาสังกา รอทัพอยู่ ณ พุทธคยานั้นนั่นเอง กษัตริย์ชาวมคธคือพระเจ้าปุรณวรมา ได้เสด็จยกทัพมาถึงพอดี ฝ่ายพวกกองทัพของพระเจ้าสาสังกาซึ่งต่างอกสั่นขวัญหนีอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งเสียขวัญ ต่างแยกย้ายหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง จากนั้นพระเจ้าปุรณวรมาก็ได้แกะแผ่นอิฐออก

เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๑๓๓ พุทธคยา ก็ถูกคุกคามอีกครั้งทั้งจากคนต่างศาสนาทั้งอิสลามและฮินดู และถูกเข้ายึดครองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยน้ำมือของนักบวชฮินดูมหันต์ ซึ่งขณะนั้น หลวงพ่อพระพุทธเมตตา ก็จมอยู่ใต้ผืนธรณีโดยที่มิมีมนุษย์ใดล่วงรู้
ผ่านระยะเวลาเนิ่นนานหลายร้อยปี นักโบราณคดีชาวอังกฤษ จึงกลับมากอบกู้เปิดปฐพี พลิกแผ่นดิน ฟื้นฟูพุทธสถานกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๑๗ - ๒๔๒๗ (๑๐ ปีเต็มกับการขุดค้น) จึงได้ทราบว่าที่แท้เจดีย์พุทธคยา มิใช่้เพียงเจดีย์ตัน!! แต่ยังมีห้องโถงอยู่ภายใน และเมื่อขุดลึกเข้าไป จึงได้ค้นพบ หลวงพ่อพระพุทธเมตตา ในสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง
และนั่นคือการปรากฎตัวให้โลกยุคนี้ได้ยลโฉมของ "องค์หลวงพ่อพระพุทธเมตตา"
ต่อมาด้วยความร่วมมือจากชาวพุทธพม่า ชาวพุทธศรีลังกา ชาวพุทธเนปาล จึงช่วยกันฟื้นฟู บูรณะปฏิสังขรพุทธคยา ให้กลับมาสวยงามสง่าในฐานะเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกครั้ง ซึ่งองค์หลวงพ่อพระพุทธเมตตา ก็ได้รับการทาสีทองด้วยทองคำแท้ทั้งองค์ พร้อมทั้งมีการเขียนสีที่งดงามบนพระพักตร์ ให้เป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธามาจนถึงทุกวันนี้
มาบัดนี้ ไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เทวดา มาร พรหม หรือ นักบวชในศาสนาใด ที่สามารถปิดกั้นพระคุณอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้าใดอีก พุทธคยา กลายเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของพุทธบริษัททุกนิกายทั่วโลก และ องค์หลวงพ่อพระพุทธเมตตา ก็กลายเป็นมาองค์แทนแห่งความเคารพบูชาอย่างสูงสุด ของชาวพุทธและชาวอินเดียทั่วทั้งแผ่นดิน

ปัจจุบันพระพุทธเมตตา เป็นพระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเสมือนหนึ่งเป็นตัวเเทนแห่งการระลึกถึงพระเมตตาคุณของพระพุทธองค์ ที่เมื่อทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เมตตาโปรดสั่งสอนไวนัยสัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายให้ได้รู้ตามคำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อจักได้เจริญจิตภาวนา สวดมนต์ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นการบูชาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา

ที่มา : https://samnakmai.blogspot.com/2018/10/blog-post.html

กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)

โทร.081-661-9989

LINE ID:kobsub456

Email:kobsub@hotmail.com

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขานครปฐม ออมทรัพย์

หน้าที่เข้าชม1,711,769 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,234,512 ครั้ง
เปิดร้าน22 มี.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท20 ก.ย. 2568

081-6619989 ,083-9566942
พูดคุย-สอบถาม